10 ก.ค.63 ทีมข่าวได้ลงพื้นที่หมู่บ้านกกกอก ได้พบกับนายไชย์พล วิภา (ลุงพล) ระบุว่า วันที่ 12 พฤษภาคม 63 ที่ผ่านมา ตนตื่นช่วงเช้าไม่แน่ใจกี่โมง ตนก็ปรึกษากับป้าแต๋น ให้ไปคุยกับแม่น้องชมพู่ ว่าจะให้ไปหาหมอธรรม ซึ่งตอนนั้นนางสมพรก็ขี่รถจักรยานยนต์ไปถามแม่น้องชมพู่ที่บ้าน ก่อนที่จะกลับมาแจ้งว่าแม่ชมพู่อนุญาติให้ไปหาหมอธรรมได้ ตนจึงเตรียมเสื้อผ้าแล้วออกไป
โดยเดินทางไปกับ ป้าถอน และภรรยารวม 3 คน ระหว่างทางไปร้อยเอ็ดก็มีหลงทางบ้าง มีไปถามทางบ้าง ซึ่งไปถึงบ้านหมอธรรมประมาณ 10.00 น. จากนั้น ก็เชิญหมอธรรมมาที่บ้านน้องชมพู่ ซึ่งน่าจะมาถึงบ้านชมพู่ ไม่เกิน 12.00 น.
เมื่อมาถึงบ้านชมพู่ แม่น้องชมพู่ก็มาต้อนรับ ซึ่งที่บ้านคนเยอะมาก ตอนนั้นตนก็ออกไปค้นหาตามที่หมอธรรมชี้ จนกระทั่งช่วงบ่าย มีผู้หวังดีโทรมาหาแม่น้องชมพู่ ระบุว่า มีคนเห็นเด็กคล้ายชมพู่ ใส่เสือเหลือง อยู่ห้างบิ๊กซี สกลนคร ตอนแรกแม่น้องชมพู่ จะให้น้าต่ายกับน้าเสริมไป ซึ่งยอมรับว่า ตอนนั้นตนเองห่วงหลาน
โดยไปกับภรรยา น้องสะดิ้ง และป้าวงศ์ รวม 4 คน ระหว่างทางตนไม่เห็นน้าเสริมขับรถตามมา จึงมุ่งหน้าไปบิ๊กซีก่อน ซึ่งตอนตนไปถึง กำลังจะขอดูวงจรปิด ปรากฏว่าแม่น้องชมพู่ก็โทรมามาบอกว่า ข้อมูลที่ได้มา เป็นบิ๊กซีมุกดาหาร ตนจึงกลับ จากนั้นตนก็กลับมาถึงช่วงเย็น ๆ จอดรถที่หน้าบ้านแม่ถอน ตนสอบถามหาหมอธรรมผล ซึ่งทราบว่ามีคนพาไปส่งกลับ จ.ร้อยเอ็ดแล้ว
จากนั้น ก็มีชาวบ้านคุยกันว่า ที่ห้วยวังฮีมีคนได้ยินเสียงเด็กในวันมี่ 12 พฤษภาคม 63 ช่วงเช้าๆซึ่งตนก็ไม่รู้ใครได้ยิน แต่ตอนนั้นเห็นนายคล้าย กับนายสัตยา ชาวบ้านในพื้นที่ กำลังจะไปขึ้นเขา ตอนนั้นตนเห็นจึงบอกว่าจะขอไปด้วย ซึ่งตนขอไปแต่งตัวที่บ้าน โดยจำชุดที่ใส่ไปไม่ได้ รู้ว่าเอาเป้ไป มีพร้าในกระเป๋า และเดินขึ้นเข้าไปทางอ่างกบ มุ่งหนาไปที่ยอดภู เพราะมีนิมิตจากหมอธรรมว่าน้องอยู่แถวนั้น และมีกลุ่มอื่นไปหาทางห้วยวังฮี
ตนเดินไปกลับคาดว่าถึงบ้านชมพู่ราว 21.00 น. ตอนนั้นก็มีคนกำลังค้นหากันอยู่ตรงซ.3 ซึ่งตนก็ไปหาด้วย และเดินมาจนถึงปากซอย มาเจอภรรยาที่ปากซอย ซึ่งหมอธรรมก็มีนิมิตอีกว่า ชมพู่อยู่แถวสะพานห้วยบางทราย ตนก็ไปหาจนถึง 24.00 น. ก็กลับมานั่งคุยกันที่บ้านชมพู่ ซึ่งนั่งอยู่แถวหน้าบ้านนายพิศนุพร นายไชย์พล และนางสมพร ลุงกับป้าชมพู่ เดินทางมาที่วัดคำชะโนด จ.อุดรธานี เพื่อมาทำบุญสะเดาะเคราะห์
เมื่อมาถึง ได้มีการลงทะเบียนเข้าพื้นที่ ซึ่งต้องรับบัตรข้อมือลุงพลได้หมายเลข 1092 ส่วนป้าแต๋นได้หมายเลข 1065 จากนั้น ป้าแต๋น ลุงพลได้เดินเข้าไปเพื่อเข้าไปสักการะศาลปู่ศรีสุทโธ ย่าศรีปทุมมา โดยมีการบูชาบายศรีพญานาค ราคา 499 บาท ระหว่างทางมีคนแห่มาขอถ่ายรูป ให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก โดยมีการมาขอถ่ายรูป และสอบถามเรื่องคดีความ
จากนั้น ลุงพลได้นำพานบายศรีเข้าไปกราบ บ่อบาดาลปู่ศรีสุทโธ ย่าศรีปทุมมา ซึ่งจุดนี้ลุงพลได้นำเงินบริจาคใส่ตู้ โดยยกมือไหว้อธิษฐานตรงจุดนี้ก็เกิดลมพัดอย่างหนัก คล้ายว่ามีการรับรูปของเจ้าที่ เมื่อไหว้เสร็จ ลุงพลได้ออกมาที่แผงลอตเตอรี่ มีทั้งคนให้ ทั้งซื้อเอง
จากนั้น ลุงพลได้ปล่อยปลาหลายชนิด และกบ 3 ตัว เพื่อเป็นการปล่อยสัตว์ให้ได้รับอิสระ โดยระบุว่า ขอให้ปล่อยสัตว์เหล่านี้ให้เป็นอิสระ ขอให้บุญนี้อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร จงอโหสิกรรม อย่าเบียดเบียนกันอีก พร้อมอุทิศบุญนี้ให้หลานที่จากไปด้วย
ลุงพล เผยอีกว่า วันนี้ที่มาทำบุญก็ขออธิษฐานให้ครอบครัวหลุดพ้นจากสิ่งที่เกิดขึ้นให้ผ่านไปด้วยดี ซึ่งขอให้หลุดจากพันธนาการของเรื่องน้องชมพู่ ส่วนตอนที่ลมพัด ตนได้ขอให้เจ้าปู่ศรีสุทโธ ให้ปัดเป่าสิ่งไม่ดีออก ซึ่งลมพักมาอย่างแรง ตามความเชื่อไม่เกี่ยวกับสภาพอากาศ ตนก็คิดว่าท่านอาจจะรับรู้
ทางด้าน นางสมพร กล่าวว่า กรณีความสนิทของลุงกับชมพู่ ตนยืนยันว่าสามีของตนไม่ได้ไปบ้านของแม่ชมพู่บ่อยแต่สนิทกัน สนิทเพราะตน เนื่องจาก ลุงไปบ้านน้องชมพู่ตนก็จะไปด้วยเสมอ และตนก็จะเป็นคนเรียกหลานขึ้นรถ
ลุงไม่ค่อยเข้าไปเพราะมีเหตุผลคือ พี่น้องตนแต่ละคนไม่ค่อยกินเส้นกับลุง ทำให้ไม่มีธุระจริงๆ ลุงจึงไม่ไปซึ่งแม่ชมพู่รู้ดี คนในครอบครัวรู้ดีว่า พี่เขยไม่ค่อยกินเส้นกับครอบครัว เหตุผลจากความปากหมาของลุง นี่คือเรื่องจริง ที่ผ่านมาสนิทกันแต่ลุงไม่ได้เข้าไปบ้านบ่อย ส่วนใหญ่ตนต้องไปบ้านชมพู่ด้วยทุกครั้ง ตนอยากบอกว่า ตนคือพี่ พี่ก็คือพี่ เรารู้นิสัยกัน ให้อภัยได้เสมอ หากง้อไม่สำเร็จก็ไม่เป็นอะไร
ขอบคุณที่มา ทุบโต๊ะข่าว