ครูทนไม่ไหวขอเข้าไปเคลียร์ หลังเห็นเด็ก ผู้ปกครองไปซื้อมือถือเพื่อเรียนออนไลน์ โพสต์ร่ายยาว “เรากำลังตกเป็นเหยื่อ”
คุณครูท่านหนึ่ง ขณะยืนเลือกซื้อของในร้านสะดวกซื้อ แล้วเหลือบไปเห็นเด็กประถม และผู้ปกครอง กำลังยืนเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือ เพื่อที่จะเอาไปใช้เรียนออนไลน์ งานนี้คุณครูทนไม่ไหว จึงได้เดินเข้าไปชี้แจงบอกเด็ก และผู้ปกครองให้เข้าใจว่า
“การเรียนออนไลน์เป็นแค่การทดลองในเดือนมิถุนายน วันที่ 1 ก.ค.ก็เปิดเรียนปกติ” ซึ่งคุณครูท่านนี้ก็ได้โพสต์ร่ายยาวว่า เรากำลังตกเป็นเหยื่อ
ผมยืนเลือกซื้อของที่เซเว่น เห็นผู้ปกครองกับเด็กคนหนึ่งเดินมาที่บูธขายโทรศัพท์ ถามพนักงานว่ามีเครื่องราคาไม่เกิน 3,000 บาทไหม จะให้ลูกไว้เรียนออนไลน์ ผมยืนฟังผู้ปกครองกับพนักงานพูดคุยกันสักพัก จึงเดินไปชำระสินค้าแล้วเดินออกมาที่รถ
ผมยืนคิดอยู่พักใหญ่ตาก็มองผ่านกระจกดูพนักงานกับผู้ปกครองตกลงกันอยู่ ผมเลยตัดสินใจเข้าไปอีกครั้ง เดินไปถามผู้ปกครองว่าเด็กเรียนอยู่ที่ไหน ผมแนะนำตัวว่าเป็นครู แล้วอธิบายว่าการเรียนออนไลน์เป็นแค่การทดลองในเดือนมิถุนายน วันที่ 1 ก.ค.ก็เปิดเรียนปกติ
เรียนจนครบหลักสูตร การเรียนออนไลน์มีหลายวิธี ไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ก็ได้ หรือหากไม่มีอะไรเลยก็รอเรียนปกติ ผู้ปกครองคนนั้นพยักหน้าเข้าใจ ผมหันไปบอกเด็กว่า ให้พ่อเอาเงิน 3,000 บาท ไปใช้ทำอย่างอื่นดีกว่าไหม เด็กพยักหน้า …ครับครู ผู้ปกครองจึงจูงมือลูกออกจากร้าน โดยมีพนักงานมองผมแบบเคืองๆ นิดนึง
เรากำลังตกเป็นเหยื่อ เหยื่อของความไม่รู้ ศธ. เขต โรงเรียน ผอ. ครู ผู้ปกครองและเด็ก เรากำลังเป็นเหยื่อ โดยมีเด็กได้ผลประโยชน์แอบแฝง แค่เดือนมิถุนายนเดือนเดียว ผู้ปกครองต้องลงทุนในสิ่งที่ตัวเองจะได้รับอยู่แล้ว คิดดูในเซเว่น เครื่อง 3,000 บาทจริงๆ แล้วมันพ่วงค่าเน็ตไปอีก 12 เดือนๆ ละ 4-5 ร้อยบาท
ถามว่ามากไหม ผมตอบเลยว่า “มาก” ไหนจะค่าซ่อม ค่าอะไรอีกจิปาถะ มันคุ้มแล้วหรือกับการอดทนอีกแค่เดือนเดียว ดีกว่าจะมารับผิดชอบไปอีก 12 เดือน
เรากำลังเป็นเหยื่อครับ ตราบใดที่นโยบายไม่มีความชัดเจนให้ผู้ปกครอง #เราจะกลายเป็นแพะรับบาปในอนาคต #หากท่านใดเห็นด้วยโปรดแชร์ให้ผู้ที่กำลังจะตกเป็นเหยื่อรายต่อไป
ขอบคุณเฟซบุ๊ก : กฤษดา เพื่อนอาสาฯ