ใกล้ถึงคิวเยียวยาเกษตรกรแล้ว ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 เมษายน บริเวณท่าเทียบเรือหน้าวัดเกาะแก้ว ต.กระดังงา อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ได้ล่องเรือจากท่าเรือใน อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร สำรวจแม่น้ำลำคลอง มาติดตามงานนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมตรวจเยี่ยมสถานการณ์ภัยแล้งและการบริหารจัดการน้ำในฤดูแล้งของจังหวัดสมุทรสงคราม
รวมทั้งเพื่อรับฟังความคิดเห็น ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรอันเนื่องมาจากการไม่สามารถขายผลผลิตได้
นายอลงกรณ์ กล่าวตอนหนึ่งในที่ประชุมว่า จากการล่องเรือสำรวจลำน้ำ แม่น้ำท่าจีน คลองทองหลาง แม่น้ำแม่กลอง และคลองบางน้อย ระยะทางประมาณ 21 กิโลเมตร ได้เห็นสภาพ การสูงต่ำของภูมิประเทศ ระดับน้ำการไหลของน้ำ วิถีชุมชนริมน้ำ ประกอบกับปัญหาต่างๆ ที่ส่วนราชการได้นำเสนอ จึงเห็นภาพรวมทั้งระบบ จุดสำคัญต่างๆ
ดังนั้น จะยกระดับโครงการพัฒนาให้เป็นความสำคัญ 3 จังหวัด สมุทรสาคร ราชบุรี สมุทรสงคราม จะประชุมหารือกันในช่วงปลายสัปดาห์หน้าที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งให้ออกแบบภาพรวม ทั้งวิศวกรรม การดำเนินชีวิต เหนือน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ
การดำเนินงานทั้งอดีตและปัจจุบัน อัพเดทข้อมูลจากนั้นจะทำประชาชาคมความคิดเห็นให้มีส่วนร่วมภาคประชาชน ซึ่งต้องดำเนินการโดยเร็ว ตลอดจนจะส่งเสริมการท่องเที่ยวการเกษตร ให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจเล็กๆในเชิงระบบนิเวศน์ด้วย
ขอให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งสำรวจเกษตรกรที่ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือจากสถานการณ์การแพร่กระจายของโควิด19
ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงครามให้เร็วที่สุด และเร่งปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายในการเริ่มทยอยจ่ายเงินให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. 63 เป็นต้นไป นายอลงกรณ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโควิก-19 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 28เมษายน
ได้เห็นชอบ จ่ายเงินช่วยเหลือแก่เกษตรกรโดยตรงรายละ 5,000 บาท ต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึง กรกฎาคม 63 มีกลุ่มเป้าหมายเป็นเกษตรกรไม่เกิน 10 ล้านราย ประกอบด้วย
1)เกษตรกรเป้าหมายกลุ่มแรก ได้แก่ เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร กรมปศุสัตว์ และกรมประมง จำนวน 8.43 ล้านราย และ
2)เกษตรกรเป้าหมาย กลุ่มที่สอง ได้แก่ เกษตรกรที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลการขึ้นทะเบียน ไม่เกิน 1.57 ล้านราย รวมวงเงินของโครงการไม่เกิน 150,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ เกษตรกรที่ไม่มั่นใจว่าได้เคยขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ สามารถเข้าไปตรวจสอบสถานะการขึ้นทะเบียนเกษตรกรได้ โดยใช้บัตรประชาชนเลข 13 หลัก คลิกตรวจสอบ
อย่างไรก็ตามท่านใดที่ยังไม่ปรับปรุงทะเบียนการเกษตรกร อย่าลืมไปดำเนินการนะครับภายในวันที่ 15 พ.ค 63
ขอบคุณ มติชนออนไลน์